เมนู

อภิญญาวรรคที่ 6

1. อภิญญาสูตร


ว่าด้วยธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญา 4


[254] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม 4 ประการนี้ 4 ประการ
เป็นไฉน คือ ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกำหนดรู้ไว้ก็มี ธรรมที่รู้ยิ่งด้วย
ปัญญาแล้วพึงละเสียก็มี ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงให้เจริญก็มี ธรรมที่
รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกระทำให้แจ้งก็มี.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกำหนดรู้เป็นไฉน
คือ อุปาทานขันธ์ 5 นี้เราเรียกว่า ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกำหนดรู้ไว้
ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงละเสียเป็นไฉน คือ อวิชชา และภวตัณหา
นี้เราเรียกว่า ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงละเสีย ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญา
แล้ว พึงให้เจริญเป็นไฉน คือ สมถะและวิปัสสนา นี้เราเรียกว่า ธรรมที่
รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงให้เจริญ ก็ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้วพึงกระทำให้แจ้ง
เป็นไฉน คือ วิชชาและวิมุตติ นี้เราเรียกว่า ธรรมที่รู้ยิ่งด้วยปัญญาแล้ว
พึงกระทำให้แจ้ง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม 4 ประการนี้แล.
จบอภิญญาสูตรที่ 1

อภิญญาวรรควรรณนาที่ 6



อรรถกถาอภิญญาสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในอภิญญาสูตรที่ 1 วรรคที่ 6 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อภิญฺญา ได้แก่ รู้ยิ่งด้วยปัญญา. บทว่า สมโถ จ
วิปสฺสนา จ
ได้แก่ ความเป็นผู้มีจิต มีอารมณ์เป็นหนึ่ง และวิปัสสนาญาณ
กำหนดรู้สังขาร. บทว่า วิชฺชา จ วิมุตฺติ จ ได้แก่ วิชชาอันเป็น
มรรคญาณ และสัมปยุตธรรมที่เหลือ.
จบอรรถกถาอภิญญาสูตรที่ 1

2. ปริเยสนาสูตร


ว่าด้วยการแสวงหาอันไม่ประเสริฐ 4


[255] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนริยปริเยสนา การแสวงหาอันไม่
ประเสริฐ 4 ประการนี้ 4 ประการเป็นไฉน คือ บุคคลบางคนในโลกนี้
ตนเองเป็นผู้มีชราเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มีชราเป็นธรรมดานั่นเอง 1
ตนเองเป็นผู้มีพยาธิเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มีพยาธิเป็นธรรมดานั่นเอง 1
ตนเองเป็นผู้มีมรณะเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มีมรณะเป็นธรรมดา
นั่นเอง 1 ตนเองเป็นผู้มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดา ย่อมแสวงหาสิ่งที่มี
ความเศร้าหมองเป็นธรรมดานั่นเอง 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนริยปริเยสนา
4 ประการนี้แล.